ข้อมูลเกี่ยวกับอัตสึชิโอะออนเซ็น
อัตสึชิโอะออนเซ็น คือ แหล่งออนเซ็นที่ถูกค้นพบโดย “เก็นโนโอะโช” พระผู้ก่อตั้งวัดจิเก็นจิ
ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองคิตะคะตะในปัจจุบัน พื้นที่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ถึง 600 ปีนับตั้งแต่ที่มีการเปิดเป็นแหล่งออนเซ็น
จุดเด่นของน้ำพุร้อนของที่นี่คือเป็นน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิ 68 องศาเซลเซียสและมีส่วนผสมของ
เกลืออยู่มาก สมกับชื่อเรียกที่ว่า อัตสึชิโอะ (“อัตสึ” แปลว่า ร้อน ส่วน “ชิโอะ” แปลว่า เกลือ)
น้ำพุร้อนในอัตสึชิโอะออนเซ็นอุดมไปด้วยแร่ธาตุทั้งโซเดียมและแคลเซียมคลอไรด์ซึ่งสร้าง
ความอบอุ่นภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณพิเศษในการบำบัดโรคสตรี โรคผิวหนัง
อักเสบเรื้อรัง โรคระบบทางเดินอาหาร และโรคอื่นๆอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ อัตสึชิโอะออนเซ็นจึงเป็นแหล่งน้ำพุร้อนรักษาโรคที่ผู้คนในละแวกพื้นที่ใกล้เคียง
ต่างชื่นชอบและคุ้นเคยมาตั้งแต่นานนม
อัตสึชิโอะออนเซ็นมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “โคดะคาระโนะยุ” (แหล่งออนเซ็นที่มอบลูกแก้ว
ลูกขวัญให้แก่สตรีที่ต้องการมีบุตร) ตรงทางเข้าของแหล่งออนเซ็นแห่งนี้จะมีศาลบูชา
“พระกษิติครรภโพธิสัตว์ผู้อุปถัมภ์เด็ก” ตั้งอยู่ ซึ่งก็มีเหล่าบรรดาผู้คนที่สมหวังในเรื่องการมี
บุตรหลังแช่น้ำพุร้อนของที่นี่มากราบไหว้ขอบคุณอยู่เสมอ
แหล่งออนเซ็นชานเมืองในดินแดนไอสึแห่งนี้ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้เก่าแก่อายุมากกว่า
100 ปีจะทำให้จิตใจของเหล่าผู้คนที่มาเยือนเปี่ยมไปด้วยความสุขสงบ
ว่ากันว่าเมื่อ 700 ปีก่อน พระสมณศักดิ์สูงนามว่า คูไค (คูไค-โชนิน) ได้สร้างวัดวาอารามขึ้นในเขตพื้นที่ของ
อัตสึชิโอะออนเซ็น จากนั้น ในปีค.ศ.1375 ซึ่งเป็นปีแรกของช่วงปีเท็นจุ พระอาจารย์เซนที่ชื่อ เก็นโน (เก็นโน
-เซ็นชิ) ก็เป็นผู้บุกเบิกค้นพบออนเซ็นในเขตพื้นที่แห่งนี้
พระอาจารย์เซน เก็นโน ได้ทำการสร้างวัดใหม่ขึ้นจากการบูรณะซ่อมแซมวัดเก่าที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง ซึ่งวัดใหม่นั้นก็คือวัดจิเก็นจิแห่งนิกายโซโตที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี วัดดังกล่าวยังได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นสำนึกปฏิบัติธรรมของผู้บำเพ็ญตนในป่าเขาอีกด้วย
มีตำนานหลายตำนานที่อ้างถึงการค้นพบบ่อน้ำแร่ในอัตสึชิโอะออนเซ็น บ้างก็ว่าเทพมังกรเป็นผู้พาพระอาจารย์เก็นโนไปยังจุดที่มีน้ำแร่ไหลออกมาหลังจากที่ท่านได้ให้ศีลให้ทานแก่เทพมังกรที่ประสบความลำบากจากสภาพที่แห้งแล้งติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่บางตำนานกลับบอกว่าน้ำแร่ได้ผุดขึ้นมาจากผืนดินหลังจากที่พระอาจารย์เก็นโนโปรดงูยักษ์ตั้งท้องที่มีอาการทุกข์ทรมานให้ทุเลาลง ส่วนอีกตำนานหนึ่งก็เล่าว่ามีน้ำแร่ผุดขึ้นหลังจากที่พระอาจารย์เก็นโนปักไม้เท้าที่ทำจากก้านของต้นอากาสะซึ่งใช้เป็นประจำลงบนพื้นดิน นอกจากนี้ยังมีตำนานที่เล่าว่าแต่เดิม น้ำแร่ที่ผุดขึ้นมาในเขตพื้นที่แห่งนี้มีทั้งน้ำเค็มและน้ำจืด แต่เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในช่วงปีเคโจ (ระหว่างปีค.ศ.1596-1615) ทำให้น้ำจืดเหือดหายไปจนเหลือแต่น้ำเค็ม
ทั้งนี้ ผู้คนต่างเล่าขานกันว่าไม้เท้าที่พระอาจารย์เก็นโนในยุคสมัยดังกล่าวใช้กันนั้นเป็นไม้เท้าที่ทำจากก้านของต้นอากาสะเหมือนกับที่ตำนานหนึ่งได้กล่าวเอาไว้จริง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดอยู่ดีว่าตำนานไหนที่เชื่อถือได้จริงจวบจนกระทั่งปัจจุบัน
ปัจจุบัน ไม้เท้าที่ทำจากก้านต้นอากาสะของพระอาจารย์เก็นโนยังคงถูกเก็บรักษาไว้ในวัดจิเก็นจิ เมื่อถึงวันที่ 4 เดือนมกราคมของทุกๆปี ทางวัดจัดงานที่มีพิธีรีตองซึ่งเรียกว่า “นิวโตชิกิ” ในช่วงเวลาก่อนฟ้าสางร่วมกับเหล่าบรรดาพระจากวัดใกล้เคียงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของวัดจิเก็นจิและมีสาธุชนทั้งหมดของวัดเดินทางมาเข้าร่วมงานพิธีที่ด้านหน้าประตูวัดด้วย ในงานพิธีดังกล่าว พระผู้ใหญ่จะทำพิธีชำระล้างและแช่ไม้เท้าของพระอาจารย์เก็นโนด้วยน้ำแร่ออนเซ็นที่ผุดขึ้นมา
น้ำแร่ในอัตสึชิโอะออนเซ็นอุดมไปด้วยแร่ธาตุโซเดียมและแคลเซียมคลอไรด์ นอกจากจะสร้างความอบอุ่นใน
ร่างกายแล้ว ยังมีสรรพคุณพิเศษในการบำบัดโรคสตรี โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โรคระบบทางเดินอาหาร และ
โรคอื่นๆอีกด้วย
อัตสึชิโอะออนเซ็นยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “โคดะคาระโนะยุ” (แหล่งออนเซ็นที่มอบลูกแก้วลูกขวัญให้แก่
สตรีที่ต้องการมีบุตร) ตรงทางเข้าของแหล่งออนเซ็นแห่งนี้จะมีศาลบูชา “พระกษิติครรภโพธิสัตว์ผู้อุปถัมภ์เด็ก”
ตั้งอยู่ ซึ่งก็มีเหล่าบรรดาผู้คนที่สมหวังในเรื่องการมีบุตรหลังแช่น้ำพุร้อนของที่นี่มากราบไหว้ขอบคุณอยู่เสมอ
โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นหรือเรียวกังแห่งนี้มีห้องพักจำนวน 19 ห้อง ออนเซ็นที่ทางโรงแรมภูมิใจนำเสนอคือ “คันนงบุโระ” (สระออนเซ็นเจ้าแม่กวนอิม) และ “เฮคิงาบุโระ” (สระออนเซ็นภาพวาดฝาผนัง) ซึ่งมีน้ำพุร้อนไหลมาจากต้นน้ำโดยตรงตลอด 24 ชั่วโมง
ดูข้อมูลเพิ่มเติม Learn moreยามางาตายะเป็นเรียวกังที่ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 42 ห้อง ออนเซ็น “โอชิคิริงาวะ” ที่ตกแต่งด้วยไม้สนฮิโนกิ กับออนเซ็น “ฮิเมะซายูริ” ที่มีการออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากอาคารอิฐในเมืองคิตะคะตะคือออนเซ็นที่ทางยามางาตายะภูมิใจนำเสนอ
ดูข้อมูลเพิ่มเติม Learn moreยุโมโตยะเป็นเรียวกังที่มีห้องพักจำนวน 16 ห้อง ที่เรียวกังแห่งนี้ ท่านจะได้ผ่อนคลายไปกับการแช่ออนเซ็นในบ่อไม้สนฮิโนกิกลางแจ้ง “อีโมริโนะยุ” และ “ทาคาคุระโนะยุ”
ดูข้อมูลเพิ่มเติม Learn more* เว็บไซต์ของสมาคมการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์จะอัปเดตข่าวสารและกิจกรรมในเว็บไซต์ด้านบน
ช่วงเทศกาลฤดูหนาวมี “เทศกาลโซบะ” ที่รวมความอร่อยโซบะทั้ง 8 แห่งในเมืองคิตะคะตะ “เทศกาลสาเก” ที่รวมเหล่าสาเกญี่ปุ่นจากแหล่งผลิตทั่วทั้งจังหวัด และ “เทศกาลราเม็ง” ที่ชุมนุมเหล่าสุดยอดร้านราเม็งที่คัดสรรจากทุกพื้นที่ อีกทั้ง "กิจกรรมเดินย่ำหิมะ” เดินเทรคกิ้ง (trekking) บนที่ราบสูงซันโนะคุระโคเก็นในฤดูหนาว
ในเมืองคิตะคะตะมีสถานที่ชมซากุระอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะดอกซากุระชิดาเระที่เส้นทางนิจจูไลน์ ถนนเส้นนี้มีทางเท้าและจักรยานที่ขนาบด้วยต้นซากุระตลอดสาย ในช่วงเทศกาลสามารถลิ้มลองเมนูอร่อยและซื้อของฝากสุดพิเศษที่จำหน่ายเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น
ทุ่งดอกนาโนะฮานะ หรือดอกผักกาดบนที่ราบสูงซันโนะคุระโคเก็น ในช่วงเทศกาลจะจัดกิจกรรมวอล์คแรลลี่ และตอนกลางคืนจะมีการประดับไฟไลท์อัพ นอกจากนี้ตามจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และร้านยามาโคยะคุราระ ยังสามารถรับประทานพายแอปเปิ้ลที่ใช้น้ำผึ้งที่เก็บมาจากทุ่งดอกไม้แห่งนี้อีกด้วย
ย้อนเวลากลับไปในรัชสมัยโชวะ ตื่นตาตื่นใจกับรถสมัยโชวะที่เรียงรายเต็มท้องถนน ราวกับงานมอเตอร์โชว์ในสไตล์เรโทร นอกจากนี้ยังกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย
เทศกาลที่ร้อนแรงภายใต้แสงโคมไฟญี่ปุ่น อาทิ “เทศกาลร่ายรำไอสึบันไดซังโชสุเกะโอโดริ” ที่ร่ายรำไปตามถนนประกอบจังหวะเพลงพื้นบ้านไอสึบันไดซัง, “เทศกาลไอสึคิตะคะตะคุระไทโกะเอ็นโซ” ผนึกกำลังตีกลองเพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ในฤดูใบไม้ร่วง และ “เทศกาลโคโดโมะมัตสึริบายาชิ” เป็นต้น ห้ามพลาด “การประชันกลอง” บนรถขบวนแห่ประดับประดาขนาดใหญ่ เร่งเร้าบรรยากาศของเทศกาลให้พุ่งทะยานสู่จุดสุดยอด
ลานสกีซันโนะคุระโคเก็นที่สามารถมองเห็นลุ่มน้ำไอสึทั้งหมด ขนาดพื้นที่ราว 8 เฮกตาร์ หรือประมาณ 50 ไร่ ให้ดอกทานตะวัน 2.5 ล้านต้น ซึ่งมากที่สุดในญี่ปุ่น ได้บานสะพรั่งอย่างภาคภูมิ เมื่อทอดสายตาลงไปบนพรมดอกไม้ที่แผ่ออกไปกว้างใหญ่ไพศาล ทัศนียภาพที่ธรรมชาติปั้นแต่งให้มีสุนทรียภาพงดงามจนท่านต้องตะลึง บนเนินชมวิวยัง "ระฆังแห่งความสุข” อีกด้วย
เทศกาลที่ชวนให้นึกถึงฤดูใบไม้ผลิของไอสึ รวบรวมบอลลูนจากทั่วประเทศกว่า 30 ลูก บรรยากาศที่บอลลูนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกัน ช่างเป็นภาพที่งดงาม ในวันแรกของเทศกาลจะมีการแสดงดอกไม้ไฟ และบอลลูนประดับไฟ ในเทศกาลท่านใดที่มาก่อนจะได้ขึ้นบอลลูนไปหาประสบการณ์ งานนี้รับจำนวนจำกัด (มีค่าใช้จ่าย)
■ ดำนา
■ เกี่ยวข้าว
■ เก็บผัก
■ หัตถกรรมไม้ไผ่
■ ทดลองทำงานศิลปหัตถกรรมแบบดั้งเดิม
■ ทำกระดิ่งลม
■ ทำพัด
■ ทำตุ๊กตา
■ สกี
■ สโนว์บอร์ด
■ ร่มร่อน (paragraider)
เส้นทางรถไฟเก่าที่ไม่ได้ใช้งานตั้งแต่ปี 1984 ได้รับการพัฒนาให้เป็นถนนสำหรับเดินเล่น เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางนิจจูไลน์ เพลิดเพลินกับเส้นทางต้นซากุระชิดาเระที่สุดอลังการในญี่ปุ่น ต้นซากุระชิดาเระกว่า 1,000 ต้น เรียงรายตลอดเส้นทางกว่า 3 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินจากสถานีคิตะคะตะไปทางตะวันตกประมาณ 5 นาที และระหว่างทางจะได้ชมกับรถจักรไอน้ำที่กำลังพักผ่อนหลังจากวิ่งมาเป็นเวลานานในสมัยนั้น
ที่ลานสกีรีสอร์ทซันโนะคุระซึ่งสามารถดื่มด่ำกับทัศนียภาพของย่านไอสึบนจิที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 650 เมตร ทุ่งดอกนาโนะฮานะ หรือดอกผักกาดที่เหลืองอร่ามงามตาให้ได้ทอดสายตาชมในพื้นที่ 8.35 เฮกตาร์ ราว ๆ 3.5 ล้านต้น ราวกับพรมผืนใหญ่จากธรรมชาติ ความงดงามที่พร้อมจะสะกดทุกสายตา
ที่ราบสูงซันโนะคุระโคเก็น เมื่อย่างเข้าฤดูร้อน ช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนกันยายน ก็ได้รับการแปลงโฉมจากลานสกีให้เป็นทุ่งดอกทานตะวันที่เหลืองสดใส